วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2559

รสา คำแบน แม่แบบของธุรกิจเครือข่าย




































บทความนี้ตีพิมพ์เมื่อปี 2007 (2550) 4 ปีหลังจากที่สุภาพสตรีท่านนี้ได้เข้าสู่ธุรกิจเครือข่ายในปี 2004 (2547)

ในปี 2012 (2555) ท่านขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดขององค์กร คือ Crown Diamond เป็น Crown Diamond หญิงคนแรกของโลกจากที่นี่ จากวันนั้น ถึงความสำเร็จ จากผู้หญิงธรรมดา มาเป็นบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คน เป็นต้นแบบของการสร้างคน และสร้างผลลัพธ์ที่หลายๆ คนจากที่อื่นๆ พยายามเป็นให้ได้ นั่นคือ การเกษียณสมบูรณ์แบบ หยุดการทำงาน แต่รายได้ไม่หยุดอย่างแท้จริง)
=====================================================
‘ดร. รสา คำแบน’ หญิงแกร่ง The Dream comes true
"ชีวิตที่ผ่านมาทุ่มเทให้กับงานประจำ เรียกได้ว่าเป็นพนักงานดีเด่น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตและความเป็นอยู่ดีขึ้น ยังคงมีหนี้สินอยู่เหมือนเดิม"
“คนที่ประสบความสำเร็จเร็ว คือ คนที่เรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่น แต่คนที่ประสบความสำเร็จช้า คือ คนที่เรียนรู้ประสบการณ์จากตัวเอง” แนวคิดและปรัชญาสู่ความสำเร็จของผู้หญิงแกร่งอย่าง ‘รสา คำแบน’ Presidential Ruby บริษัท ยูนิซิตี้ มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ที่มุ่งมั่นตั้งใจสร้างความสำเร็จ จากความฝันบนเส้นทางของธุรกิจขายตรง
จากความคิดที่ว่า การเป็นมนุษย์เงินเดือนต้องตอกบัตรเข้า ทำงานเช้าเย็น เป็นความรู้สึกที่เบื่อหน่ายสำหรับเธอและใครอีกหลายคน หรือแม้จะมีธุรกิจขนาดเล็กเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้ถือเป็นความสำเร็จที่แท้จริง เพราะธุรกิจส่วนตัวก็ยังมีความเสี่ยงต่อการขาดทุนอยู่ บวกกับความคิดที่ว่าอยากจะมีเงินเก็บสักก้อนก่อนเกษียณ เส้นทางชีวิตของเธอคนนี้จึงเดินทางเข้ามาสู่ธุรกิจเครือข่าย นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 เป็นต้นมา
“จริงๆ ก่อนหน้าที่จะเข้ามาทำธุรกิจเครือข่าย เคยเป็นพนักงานบริษัทเอกชน และเคยเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กมาก่อน ในตอนนั้นรู้สึกเบื่อหน่ายในชีวิตเต็มทนแล้ว เหนื่อยกับชีวิตมาก การเป็นมนุษย์เงินเดือนต้องตอกบัตรเช้าเย็น เป็นลุงตัดต้นไม้ เหมือนหนูถีบจักร เลยคิดว่า พอจะมีธุรกิจอะไรไหมที่สามารถฝากชีวิตไว้สัก 5 ปี และมีเงินเก็บก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งก่อนจะเกษียณ แล้วมีอะไรไหมที่เกษียณ แล้วไม่ต้องดูแลธุรกิจอีก”
ก่อนหน้านี้ เป็นคนที่แอนตี้ธุรกิจขายตรงแบบสุดๆ เพราะความไม่รู้ คือไม่เข้าใจธุรกิจ ก็เลยแอนตี้ไว้ก่อน เพราะคนส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้ จะตีความไปก่อนว่า ธุรกิจนี้ไม่เวิร์ก และจากการเห็นคนในจังหวัดเดียวกันทำธุรกิจเครือข่ายแล้ว ไม่มีใครประสบความสำเร็จ เพื่อนๆ หลายคนเข้าสู่ระบบเน็ตเวิร์กหลายที่ แต่ก็ไม่เห็นมีใครประสบความสำเร็จ ก็เลยคิดว่า ธุรกิจนี้คงไม่ดี และคงทำเงินไม่ได้จริง
แต่พอ “คุณชวิช กิม” เข้ามาเปิดวิสัยทัศน์ได้รู้จักและพูดคุยกัน ถามถึงเหตุผลและความเป็นไปได้ที่ตามมาว่า ภายในระยะเวลา 5 ปีนี้ จะประสบความสำเร็จได้จริงไหม นอกจากนั้น ก็มีโอกาสได้ไปดูงานหลายที่กับคุณชวิช กิม หลังจากนั้น ก็เลยเคลียร์ทุกอย่างในชีวิต ขายธุรกิจในมือทั้งหมด แล้วกระโดดเข้ามาเล่นเต็มสองเท้า คือเล่นแบบมืออาชีพ
“ก่อนหน้านี้ เคยเข้าไปดูบริษัทอินเตอร์หลายบริษัท แต่พอเข้าไปดู ไปคุยกับผู้บริหารในหลายๆ ที่แล้ว รู้สึกว่าบริษัทเหล่านั้นยังไม่สามารถตอบคำถามภายในใจของตัวเองได้ แต่พอได้คุยกับทางยูนิซิตี้ ที่นี่เป็นที่เดียวที่สามารถตอบคำถามได้ทุกข้อ เคลียร์ได้ทุกอย่างที่ค้างคาใจ ซึ่งสิ่งที่ต้องการทราบนั้นก็เป็นเรื่องของโปรดักต์ ดีจริงหรือไม่ มีแผนการตลาดที่มนุษย์สามารถทำได้จริงหรือเปล่า มีการบริหารจัดการแบบมืออาชีพหรือไม่ และที่สำคัญ มีความยุติธรรมกับเราหรือไม่ ยูนิซิตี้สามารถให้คำตอบเหล่านี้กับพี่ได้ ทำให้พี่ตัดสินใจลงเรือลำนี้”
เธอเล่าว่า ก่อนหน้าที่จะเข้ามาทำธุรกิจเครือข่ายนั้น แทบจะไม่รู้จักธุรกิจนี้ด้วยซ้ำ เพราะชีวิตที่ผ่านมาทุ่มเทให้กับการทำงานประจำ เรียกได้ว่าเป็นพนักงานดีเด่น รับโล่เกียรติยศแทบทุกปี แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตและความเป็นอยู่ของเธอดีขึ้น ยังคงมีหนี้สินอยู่ต่อไป
“ทำงานมาค่อนข้างเยอะ แต่ทุกๆ อย่างไม่สามารถซัพพอร์ตความฝันพี่ได้เลย พี่อยากจะเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังมือ เอาง่ายๆ ว่า ทำงานได้เหรียญเกียรติยศทุกปี แต่ทำไมเราไม่เห็นจะรวยสักที ทำไมถึงยังเป็นหนี้ ได้แต่ถามตัวเองว่า เมื่อไหร่จะจบสิ้นสักที หรือจะต้องรอให้อายุครบ 60 ปีก่อนหรือไง พี่รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับชีวิต เต็มที่ ตอนนั้นพี่ไม่รู้จักธุรกิจเน็ตเวิร์กด้วยซ้ำ พอคุณชวิช กิม มาขายวิสัยทัศน์ให้พี่ พี่ถึงรู้ว่า จริงๆ สิ่งที่รอคอยมันคือธุรกิจเครือข่ายนี่เอง เพราะมันเติมเต็ม มันสามารถตอบคำถามให้พี่ได้ทุกข้อ”
เมื่อเธอตัดสินใจและมุ่งมั่นที่จะเดินทาง ในธุรกิจเครือข่ายแล้ว การเตรียมตัวและเตรียม พร้อมสำหรับการทำงานเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง “รสา” บอกกับเราว่า
“สำหรับตัวพี่ได้เตรียมตัวและเตรียมความพร้อมในการที่จะพัฒนาตัวเองให้เป็นมืออาชีพมากที่สุด ศึกษาและเรียนรู้การทำงานของอัพไลน์ เดินตามเส้นทางและคำแนะนำของอัพไลน์ เชื่อมั่นในตัวอัพไลน์ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว นอกจากนั้น ก็มีการปรับเปลี่ยนมุมมองและทัศนคติ และคิดว่า หากพี่มองว่า ธุรกิจที่กำลังจะทำเป็นธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ ก็จะทำให้เราประสบความสำเร็จและมีรายได้ 7 หลัก แต่ถ้าหากคิดเป็นเพียงธุรกิจพาร์ทไทม์ รายได้ของเราก็จะพาร์ทไทม์ไปด้วย พี่มองด้วยวิสัยทัศน์แบบนี้ ก็เลยเตรียมพร้อมที่จะลุยงานแบบเต็มสองเท้า”
นอกจากนั้น เธอยังได้เล่าประสบการณ์ รวมไปถึงหลักและวิธีการทำงานในธุรกิจเครือข่าย พร้อมทั้งให้แนวคิดที่ว่า การทำงานทุกอย่างนั้น จริงๆ ไม่มีอะไรมาก เธอใช้ความยืนหยัดและอดทน และมีความฝันที่แรงกล้า เธอมักจะพูดกับทีมงานอยู่เสมอว่า หากทำงานและมีความเชื่อมั่นในเรื่องของความฝันแล้ว รับรองได้ว่าจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน เพราะธุรกิจนี้ทำงานด้วยความฝันมากกว่า 90% ส่วนวิธีการมีแค่ 10% เท่านั้น และหากอยู่ในที่ที่ถูกต้อง และเวลาที่เหมาะสม รับรองว่าจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
“ในส่วนของพี่ถือว่าโชคดีมาก เพราะที่ยูนิซิตี้ เรามีระบบยูนิเพาเวอร์อยู่ ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนธุรกิจ ระบบนี้จะซัพพอร์ตคนที่ทำงานไม่เป็นเลย ไม่สนว่า ประวัติคุณจะเป็นยังไง เรียนจบอะไรมา แต่ถ้าหากเข้ามาแล้ว ที่นี่จะสอนให้คุณเรียนรู้จากศูนย์ไปจนถึงร้อย เราจะมีสเกลวัดตลอดว่า หากเดินตามระบบของยูนิเพาเวอร์นั้นในปีแรกรายได้ของคุณจะอยู่ที่ประมาณเดือนละหนึ่งแสนบาท ปีที่สองรายได้เพิ่มขึ้นเดือนละประมาณห้าแสน ส่วนปีที่สาม รายได้จะเพิ่มขึ้นเดือนละหนึ่งล้านบาท ระบบจะมีสเกลคอยวัดซึ่งทั้งหมดวัดจากผลตอบแทนที่ได้รับจริง และหากเดินตามระบบแล้วเชื่อว่าจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน”
อย่างไรก็ดี แผนการตลาดที่มีประสิทธิ ภาพบวกกับระบบการทำธุรกิจที่เห็นผลในการทำงาน นอกจากหลักการแล้ว ผู้หญิงเก่งคนนี้ถือว่า ความฝันของคนเรานั้นยิ่งใหญ่และสำคัญ มากที่จะเป็นตัวแปรทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้
“พี่มั่นใจและเชื่อในเรื่องของความฝันมาก เพราะคนเรามีสิทธิ์ฝันอะไรได้หลายอย่างในชีวิต แล้วสามารถทำให้เป็นไปตามความฝันได้ ยกตัวอย่างเช่น การผลิตหลอดไฟ อยู่ดีๆ ไม่ใช่ว่าจะผลิตขึ้นมาได้ มันเกิดขึ้นจากความฝันของคนคนนึงว่า วันหนึ่งโลกต้องมีแสงสว่าง หรือเครื่องบินที่สองพี่ น้องตระกูลไรท์ ฝันว่าวันหนึ่งจะมีวัตถุบินได้ และพวกเขาเหล่านั้นก็สามารถทำให้ความฝันเป็น จริงขึ้นมาได้ เช่นเดียวกันกับธุรกิจนี้ที่พี่เชื่อว่า ภายในระยะเวลา 3 ปี พี่จะต้องทำตามความฝันให้ได้ พอความฝันมันชัดเจน พี่เชื่อว่ามันจะฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ เพราะความฝันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่”
สำหรับการทำงานบนเส้นทางของธุรกิจเครือข่ายหรือขายตรงนั้น แน่นอนว่า มักมีปัญหาและอุปสรรค อย่างแน่นอน แต่เธอคนนี้กลับคิดว่า สิ่งที่กำลังประสบอยู่นั้นไม่ใช่ปัญหา แต่นั่นเป็นเพียงสิ่งที่ไม่เคยเจอะเจอมาก่อนเท่านั้นเอง
“อุปสรรคปัญหา ไม่ว่าจะอยู่วงการไหน ธุรกิจไหน อาชีพไหน ก็มีปัญหาด้วยกันทั้งนั้น แต่พี่ถือว่า อุปสรรคและปัญหาในธุรกิจนี้มันมีวันจบ ลองคิดดูสิปัญหาในงานอื่นของคุณเกิดขึ้นแล้วเมื่อไหร่จะจบล่ะ วันนี้ธุรกิจเครือข่าย ยังไงก็ต้องจบภายใน 5 ปีแน่นอน เพราะปัญหาที่นี่เป็นปัญหาคลาสสิกที่อัพไลน์ผ่านพ้นมาแล้ว พี่ไม่เรียกว่าปัญหาด้วยซ้ำ มันคือสิ่งที่เราไม่เคยเจอมากกว่า หากเราเจอก็ยกหูโทรหาอัพไลน์แค่นั้นเอง และอัพไลน์จะแนะนำวิธีดีๆ ที่ผ่านพ้นให้เราได้ เพราะอัพไลน์ผ่านปัญหาเหล่านั้นมาหมดแล้ว”
“ในธุรกิจเครือข่าย ต้องทำงานกับคำว่า คน และคนเป็นคำกิริยา มักมีปัญหา ความสับสนวุ่นวายต่างๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอด อย่าลืมว่า พื้นฐานแต่ละคนต่างกันทั้งครอบครัว การศึกษา ธรรมชาติของคนแตกต่างกัน มาอยู่รวมกัน มันต้องมีวิธีพัฒนาพื้นฐานเดิมของเขาให้ได้ สังเกตไหมว่า คนส่วนใหญ่ทะเลาะกัน มีมุมมองทัศนคติแตกต่างกัน แต่ถ้าวันหนึ่ง คุณอยู่ในธุรกิจเครือข่าย แล้วหากคุณเรียนรู้พัฒนาพื้นฐานคนที่แตกต่างกันได้แล้ว ปัญหาตรงนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น”
ถ้าหากถามว่าในวันนี้ ความสำเร็จทั้งหมดที่เกิดขึ้นถือเป็นความสำเร็จขั้นสูงสุดที่ตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่ ผู้หญิงเก่งคนนี้ตอบได้คำเดียวว่ายังไม่ประสบความสำเร็จขั้นสูงสุดในธุรกิจนี้
“ตอนนี้คิดว่าประสบความสำเร็จโดยตำแหน่งของประเทศไทยที่มียอดขายอันดับสองของประเทศ รองจากคุณชวิช กิมเท่านั้น แต่ความสำเร็จที่ตั้งเป้าหมายไว้มันยังไม่ใช่ พี่ตั้งเป้าไว้ว่าจะส่งต่อความสำเร็จให้ผู้อื่น ซึ่งยังมีคนอีกหลายคนที่พี่มีพันธะสัญญาที่จะส่งต่อความสำเร็จให้พวกเขา เพราะความสำเร็จของพี่ในธุรกิจนี้อย่างแรกคือ ต้องสร้างตัวเองให้สำเร็จก่อน แล้วต้องสอนคนข้างล่างให้สำเร็จอีกทอด หลังจากนั้นจะต้องสอนคนของคุณให้สร้างคนรุ่นต่อไปให้สำเร็จ เพราะตอนนี้ตัวพี่สำเร็จแล้ว ต่อไปพี่ต้องสร้างคนข้างล่างพี่ให้สำเร็จเสียก่อน ถึงจะเรียกว่าเป็นความสำเร็จที่แท้จริง”
ตอนแรก ตั้งเป้าไว้ 5 ปีแล้วจะเกษียณ แต่มามองว่าในเมื่อเรายังมีแรงที่จะทำให้คนอื่นประสบความสำเร็จได้ ทำไมไม่ทำ จะเกษียณไป ทำไม ในเมื่อยังมีแรงที่จะช่วยเหลือผู้คนอยู่ คือหากคุณเข้าสู่ธุรกิจนี้ใหม่ๆ ยังไม่มีความรู้สึกแบบนี้หรอก แต่พอคุณอยู่ไปนนานๆ จะมีความสู้สึกว่า จริงๆ ชีวิตคุณหากอยู่ในธุรกิจนี้ไปนานๆ คุณจะรู้สึกอยากอยู่อีกต่อไป คิดดูว่าบางครอบครัวเขาย่ำแย่ แต่คุณเข้าไปช่วยทำให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้นจะเป็นอย่างไร และเขาสามารถพลิกชีวิตได้ด้วยความช่วยเหลือของเรา ยังมีครอบครัวที่ด้อยโอกาสอีกหลายครอบครัวที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น
เพราะการหยิบยื่นของเรา และทุกครั้งที่พี่ออกไปทำงาน พี่ออกไปด้วยหัวใจ คิดแต่ว่าจะทำอย่างไรที่จะเอาเรือลำนี้ไปช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นให้ได้...

Source: สยามธุรกิจ, ฉบับที่ 822 ประจำวันที่ 25-8-2007 ถึง 28-8-2007

#Networkmarketing #BiosLife #Rasa #Comeban #Unicity #Passive Income #Rich Dad

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น