วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ข้อคิดจากคุณหมอก่อนจะจากไป



คำไว้อาลัยงานพระราชทานเพลิงศพ
นายแพทย์
สุรพล รักทุม


ท่านทำงานรักษาคนไข้มาตลอดชีวิต
เปิดคลินิคร่วมกับ
บุคคลมีชื่อเสียง เปิดค
ลินิคสุขภาพ เป็นที่ปรึกษา
ให้เหล่าดารา
มีเงินทองมาก แต่กลับพบว่า
ตนเองป่วยเป็นมะเร็งที่ตับ และใช้เงินที่หามาทั้งชีวิต
ด้วยการไปผ่าตัดเปลี่ยนตับ
ที่ต่างประเทศ กลับมาอยู่
เมืองไทยได้ไม่นาน
ตรวจพบมะเร็งรุกลามมาที่ปอด
ก็ยังพยายามหาวีธีต่อสู้กับมะเร็งร้ายเรื่อยมา
สุดท้าย
ก็ไม่อาจเอาชนะมันได้
 
ท่านเสียชีวิตในที่สุด ท่านฝากให้พวกเราทั้งหลายระลึก
ไว้ว่า

1. อย่าเอาแรงกดดันมาเป็นแรงขับเคลื่อน
  
ใช้ร่างกายจนเกินกำลัง เท่ากับกำลังทำร้ายร่างกาย

2. อย่าลืมว่า สุขภาพดีคือ ต้นทุน ร่างกายไม่แข็งแรง
  
คุณจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อย่างไร

3. อย่าเห็นชื่อเสียงและลาภยศเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต
  
ชื่อเสียงลาภยศ เปรียบดังหมอกควัน สุดท้ายก็มลายสูญ

4. อย่าคิดว่า หมอจะช่วยชีวิตคุณได้ หมอที่ดีคือตัวคุณ
  
ดูแลชีวิตดีกว่าให้ใครมาช่วยชีวิต

5. อย่าคิดว่าอุทิศให้แล้วจะต้องได้รับตอบแทนเสมอไป
   ให้อะไรกับใครอย่ารอให้เขาทดแทนบุญคุณ

6. อย่าคิดว่า รับราชการแล้วจะเหนือกว่าชาวบ้าน
  
ถึงเวลาเกษียณก็ต้องเป็นชาวบ้านเหมือนเดิม

7. อย่ามองข้ามคนที่มีบุญสัมพันธ์กับคุณ เมื่อคุณตกอับ
   คุณจึงจะรู้ว่า ใครบ้างที่ไปจากคุณ
และตอนนั้น
   คนรู้ใจยิ่งหายาก
 
8. อย่าเห็นการทักทายของใครเป็นสิ่งน่ารำคาญ
   คนที่ส่งข้อความให้คุณๆ เสมอเพราะคุณยังอยู่ในใจเขา


คำถามที่น่าคิด
คุณมีเงิน แต่คุณมีค่าไหม?เรามักแสวงหาสิ่งที่เราคิดว่า มีค่ามากที่สุดในชีวิต
แต่สุดท้าย
ทุกคนหนีไม่พ้นอนิจจัง หมั่นคิดดี พูดดี ทำดี
คุณค่าของชีวิต
สร้างได้โดยไม่ต้องใช้เงิน


#Unicity #Unipower #Passive Income #Financial Freedom #Leader
#Leadership #Network Marketing #Network #ประกัน #Insurance
-end-

โยโย่เอฟเฟ็กต์คืออะไร?

โยโย่เอฟเฟ็กต์ (YoYo effect)

รู้จักกันดีว่า การลดความอ้วนผิดวิธีจะส่งผลข้างเคียง (side effect) จากการทานยาลดความอ้วนประกอบกับ อดอาหาร ซึ่งทำให้น้ำหนักลงฮวบฮาบ แต่เมื่อกลับไปกินอาหารตามวิถีชีวิตเดิม ร่างกายก็กลับมาอ้วนใหม่ เพราะภายในร่างกายมีเซลล์ไขมัน (fat cells) ที่แค่ฝ่อลงไม่ได้หายไปไหน พอกินเข้าไปเยอะๆ เซลล์ไขมันก็กลับมาพองกว่าเก่าเป็นลักษณะอ้วนเผละ! ก็ยิ่งทำให้ลดน้ำหนักยากกว่าทุกครั้ง

งานวิจัยเกี่ยวกับปรากฏการณ์โยโย่เอฟเฟ็กต์ระบุว่าผู้ที่พยายามลดน้ำหนัก และน้ำหนักกลับมาเพิ่มอย่างรวดเร็วมักจะมีระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลงเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่น้ำหนักคงที่
 
นอกจากนี้มีหลักฐานชี้ชัดว่า ปรากฏการณ์โยโย่เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพเพราะเมื่อระบบภูมิคุ้มกันที่ต่ำลง ร่างกายจะอ่อนแอเป็นหวัดและติดเชื้อง่าย หรืออาจถึงขั้นเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้มากกว่า

-end-

#Unicity #Unipower #Passive Income #Financial Freedom #Leader
#Leadership #Network Marketing #Network #ครู #ชีวิตครู #อำนาจเจริญ

-end-


Author: Vitaya S.
Line ID: yordpoupee
facebook: www.facebook.com/vitayas



เรื่องจริงเกี่ยวกับคลอโรฟิลล์

เรื่องจริงเกี่ยวกับคลอโรฟิลล์
สารประกอบคลอโรฟิลล์ได้รับการค้นพบสูตรโครงสร้างทางเคมีครั้งแรกเมื่อประมาณต้นศตวรรษที่ 20 โดยนักวิทยาศาสตร์ชื่อ ศาสตราจารย์ ฮาน์ส ฟิชเชอร์ (Hanns Fisher, M.D.) และเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับรางวัลโนเบล (Noble's Prize)

เนื่องจากสามารถค้นพบความเร้นลับของคลอโรฟิลล์ได้สำเร็จ และจากการค้นพบดังกล่าว ทำให้เราทราบว่า สูตรโครงสร้างของคลอโรฟิลล์มีลักษณะคล้ายคลึงกับสูตรโครงสร้างของสารประกอบฮีม (Heme) ที่เป็นโครงสร้างหลักของเม็ดเลือดแดง (Red Blood Cell) ของคนเราอย่างมาก

และจากการวิจัยทางการแพทย์ก็ยืนยันว่า ร่างกายของคนเราก็สามารถนำเอาสารคลอโลฟิลล์นี้ไปเป็นสารตั้งต้น (Precursor)ในการสร้างเม็ดเลือดแดงได้เมื่อร่างกายต้องการโดยเฉพาะในภาวะที่ร่างกายของเราเกิดความบกพร่องในการสร้างเม็ดเลือดแดงเนื่องจากขาดสารอาหารอย่างเช่น ในภาวะโลหิตจาง (Anemia)ฯลฯ

ปกติแล้ว ในร่างกายของคนเราจะต้องมีการสร้างและทำลายเซลล์มากกว่า 2.5 ล้านเซลล์และร่างกายจะต้องสร้างขึ้นมาทดแทนในจำนวนที่เท่าๆ กัน และยิ่งในคนที่ร่างกายต้องทำงานหนัก ยิ่งพบว่าการทำลายของเม็ดเลือดแดงในร่างกายของคนเราก็จะมากขึ้นตามไปด้วย

ดังนั้นภาวะที่ร่างกายของเราก็อาจจะเกิดความบกพร่องในการสร้างเม็ดเลือดแดงเนื่องจากขาดสารตั้งต้นในการสร้าง และหากปล่อยให้เกิดความบกพร่องดังกล่าวนานๆ ก็อาจจะทำให้เกิดความผิดปกติต่างๆ ต่อร่างกายของเราตามมาได้ทั้งนี้เนื่องจากการที่เม็ดเลือดแดงถือเป็นระบบขนส่งสารอาหารที่สำคัญที่สุดในร่างกาย

ดังนั้นหากขาดเม็ดเลือดแดงก็อาจจะทำให้ร่างกายเกิดความบกพร่องในการทำงานของเซลล์และอวัยวะต่างๆได้

มนุษย์เราเริ่มใช้คลอโรฟิลล์ในการแพทย์เมื่อปี 1940 พร้อมๆ กับที่ใช้เป็นยาสีฟัน ยาดับกลิ่นปาก และได้มีการใช้คลอโรฟิลล์ในการบำบัดโรค เช่น รักษาโรคทางเดินอาหาร ลำไส้ใหญ่ โรคผิวหนังชนิดต่างๆ โดยเฉพาะแผลเรื้อรัง คลอโรฟิลล์สามารถใช้รักษาแผล ให้แผลหายเร็วกว่าปกติ มีบทบาทเป็นยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียทั้งยังดับกลิ่นเหม็นของแผล และสามารถทำความสะอาดแผลให้สะอาดได้ดีกว่ายาตัวอื่น


คลอโรฟิลล์ “จากอัลฟาฟ่า”
จากการวิเคราะห์คลอโรฟิลล์จากพืชกว่า 6,000 ชนิด ทั้งจากใต้น้ำถึงบนพื้นดิน พบว่า พืชที่ให้คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์และดีที่สุดคือ อัลฟาฟ่าเท่านั้น

อัลฟาฟ่าจัดเป็นพืชจำพวกที่มีฝัก (Legumes) หรือพืชตระกูลถั่ว ใบเลี้ยงคู่และมีระบบรากที่มหัศจรรย์มาก ในบางพื้นที่ ระบบรากของอัลฟาฟ่าสามารถชอนไชลงไปในดินถึงกว่า 130 ฟุตจึงทำให้สามารถหาอาหารได้มีประสิทธิภาพมากกว่าพืชชนิดอื่นๆ อีกทั้งระบบการป้องกันตัวเอง หรือป้องกันสารพิษในเซลล์ของพืชอัลฟาฟ่า ก็ดีกว่าพืชชนิดต่างๆ ชาวอาหรับโบราณรู้จักใช้ประโยชน์จากอัลฟาฟ่ามาตั้งแต่ 2,000 ปีก่อนคริสตกาลโดยใช้เป็นพืชเลี้ยงสัตว์ และใช้ใบมาตากแห้งชงเป็นชา บริโภคจึงถูกขนานนามให้เป็น AL-FAS-FAH-SHA หรือ “ราชาแห่งอาหารทั้งมวล”

ประโยชน์จากต้นอัลฟาฟ่ามักได้จากส่วนใบและลำต้นซึ่งได้ถูกนำไปใช้สำหรับบำบัดอาการปวดข้อและอักเสบต่างๆ เช่น ปวดข้อ (ARTHRITIS) ไปจนกระทั่งถึงความผิดปกติในระบบทางเดินอาหารและเซลล์ในตับถูกทำลายนอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าอัลฟาฟ่า ยังสามารถช่วยให้เลือดสะอาดขึ้น

อัลฟาฟ่าเป็นพืชที่ให้กรดอะมิโนจำเป็นครบทั้ง 8 ชนิดซึ่งได้แก่ กรดอะมิโนไอโซลิวซีนลิวซีน ไลซีน เมไธโอนีนพีนิลอะลานีน เทรโอนีนทริปโตฟาน และวาลีน และพบว่ากรดอะมิโนเหล่านี้ ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างเองได้แต่จำเป็นต้องมีไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในการสร้างเนื้อเยื่อต่างๆ นอกจากนี้ในอัลฟาฟ่ายังอุดมไปด้วยวิตามินเอบี 6 ดี อี เค เกลือแร่ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม และแคลเซียม


คลอโรฟิลล์ (CHLOROPHYLL) เกือบ 100 ปี แห่งการค้นพบ
คลอโรฟิลล์คือ สารประกอบที่ทำให้พืชมีสีเขียวและทำหน้าที่หลักคือ สังเคราะห์แสง (Photosynthesis)โดยการเปลี่ยนพลังงานจากแสงอาทิตย์ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และแร่ธาตุต่างๆ จากดินให้กลายเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของพืช รวมทั้งให้ก๊าซออกซิเจนที่สำคัญอย่างยิ่งในการดำรงชีวิตของมนุษย์และสัตว์ คลอโรฟิลล์ธรรมชาติมีหลายชนิดบางชนิดสังเคราะห์แสงได้ในที่ที่มีแสงแดดเท่านั้น แต่บางชนิดสังเคราะห์แสงได้แม้ในที่ไม่มีแสงเช่นในร่างกายของคน จึงมีการค้นคว้าเกี่ยวกับการทำงานหรือปฏิกิริยาของคลอโรฟิลล์ต่อคนพบว่า คลอโรฟิลล์ที่อยู่ในเซลล์ของพืชทั่วไปจะถูกปกป้องและปิดกั้นด้วยผนังหรือเยื่อหุ้มเซลล์อีกทีหนึ่ง ทำให้ระบบย่อยอาหารปกติของร่างกายเราไม่สามารถบดย่อยเพื่อให้ได้สารคลอโรฟิลล์เพียงพอกับความต้องการของร่างกายได้

ถึงแม้ว่าเราจะบริโภคผักใบเขียวเป็นจำนวนมากอย่างไรในแต่ละวันก็ตาม อีกทั้งคลอโรฟิลล์โดยตัวมันเองละลายน้ำไม่ได้ จะละลายได้ในไขมัน หรือในบางรูปของแอลกอฮอล์เท่านั้น แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน เราสามารถสกัดเอาเฉพาะสารคลอโรฟิลล์ออกมาได้อย่างสมบูรณ์และบริสุทธิ์โดยปราศจากการสูญเสียคุณค่าทางอาหารตามธรรมชาติ ร่างกายจึงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันทีอย่างเต็มที่และเป็นคลอโรฟิลล์ชนิดละลายน้ำได้จึงดูดซึมได้ทันทีในกระเพาะอาหารในกรณีที่ร่างกายใช้ไม่หมดจะถูกขับทิ้งไปทางระบบขับถ่ายไม่สะสมไว้ในร่างกาย

ผิดกับคลอโรฟิลล์ชนิดที่ละลายในไขมันจะไม่ถูกดูดซึมที่กระเพาะอาหาร แต่จะย่อยและดูดซึมที่ลำไส้เล็กคลอโรฟิลล์ชนิดนี้เมื่อร่างกายใช้ไม่หมดจะถูกส่งต่อไปสะสมไว้ที่ตับ (liver) ในระยะเวลาหนึ่งอาจเกิดอันตรายต่อตับได้

องค์การอาหารและยาสหรัฐจึงให้การรับรองเฉพาะคลอโรฟิลล์ที่ละลายน้ำได้ (WATERSOLUBLE CHLOROPHYLL) เท่านั้นว่า ปลอดภัยต่อการบริโภคของคน ถึงแม้ว่าจะบริโภคในปริมาณมากต่อวันก็ไม่เกิดผลเสียต่อร่างกายแต่อย่างใด ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นก็มีเพียงอาการท้องเสียอย่างเบาบางกรณีเท่านั้น

ด้วยสูตรโครงสร้างของโมเลกุลที่ใกล้เคียงกับโมเลกุลของเม็ดเลือดแดงต่างกันเฉพาะตรงกลางที่คลอโรฟิลล์มีแมกนีเซียม (Mg) และเม็ดเลือดแดงมีเหล็ก (Fe) จึงทำให้สีของมันต่างกันคือ คลอโรฟิลล์มีสีเขียว แต่เม็ดเลือดมีสีแดง จากจุดนี้เองที่ทำให้คลอโรฟิลล์ถูกเรียกว่า“เลือดของพืช” (Blood of Plant)

ผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์การแพทย์มากมายสรุปตรงกันว่า คลอโรฟิลล์สามารถกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงได้จนทำให้ผู้วิจัยได้รับรางวัลโนเบล (NobelPrize) ไปแล้วถึง 2 ท่านด้วยกันคือ ดร.ริชาร์ด
วินสเตตเตอร์ (DR. RICHARD WINSTATER) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยออสเตรียในปี ค.ศ.1915และดร.ฮันส์ฟิชเชอร์ (DR. HANSFISHER M.D.) นายแพทย์ชาวเยอรมันในปีค.ศ.1930 ผู้ซึ่งค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างเม็ดเลือดแดงและคลอโรฟิลล์

ในบางเงื่อนไขสามารถแทนที่ศูนย์กลางของคลอโรฟิลล์ด้วยเหล็ก (Fe) จากอาหารธรรมชาติบางประเภททำให้อัตราการเพิ่มของเม็ดเลือดแดงดีขึ้นทั้งนี้แมกนีเซียม (Mg) ที่หลุดออกไปจากศูนย์กลางโมเลกุลของคลอโรฟิลล์ก็จะทำหน้าที่พาแคลเซียม (Ca)2Ca-Mg เข้าไปอุดรูพรุนกระดูกต่างๆ ทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้นในโพรงกระดูกซึ่งมีไขกระดูก (Bone Marrow) อยู่ก็จะมีการสร้างเม็ดเลือดแดงได้ในปริมาณที่มากขึ้น (หน้าที่ของไขกระดูกคือสร้างเม็ดเลือดแดงและปรับระดับความเป็นด่างในกระแสเลือด)

จากการทำวิจัยขององค์การอาหารและยาสหรัฐกับผู้ป่วยแผลเปิดจำนวน 3,600 รายพบว่า คลอโรฟิลล์ช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์ใหม่ให้เร็วขึ้นทำให้แผลหายเร็วกว่าปกติ 25% ขึ้นไป และรอยแผลเป็นลดขนาดลงกว่า 50% หรือมากกว่า จากกรณีนี้ จึงมีการวิจัยต่อเกี่ยวกับการรักษาอาการเจ็บป่วยภายในร่างกายอันเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ พบว่าผู้ป่วยทั้ง 1,227 ราย กลิ่นภายในหายหมดหลังจากใช้คลอโรฟิลล์ผ่านไป 2 สัปดาห์จึงให้การรับรองว่า เป็นยาดับกลิ่นภายในสามารถซื้อขายได้ตามร้านขายยาและอาหารเสริมตั้งแต่ วันที่ 11 พฤษภาคม 1990

คลอโรฟิลล์ช่วยคุณได้อย่างไร?
จากประสบการณ์ของผู้ใช้-ผู้บริโภคทั่วโลกได้ข้อสรุปที่น่าสนใจของคลอโรฟิลล์ดังนี้
-ช่วยให้เลือดสะอาด
-ช่วยให้ตับสะอาดเสริมการรักษาในผู่ป่วยตับอักเสบ
-เสริมธาตุเหล็กให้ร่างกาย
-ทำให้สดชื่นหายเหนื่อยจาการอ่อนเพลีย
-ลดความดันโลหิต ลดปัญหาเส้นเลือดหัวใจตีบตัน
-ทำให้ระดับน้ำตาลลดลงสำหรับคนไข้โรคเบาหวาน
-บรรเทาอาการโรคภูมิแพ้ แพ้อากาศ โรคหืด ผื่นลมพิษค่อยๆ ทุเลาจนหายได้
-ขับกรดจากข้อต่างๆ ทำให้อาการปวดข้อปวดเมื่อยตามตัวทุเลาและหายได้
-ขับสารพิษออกจากร่างกาย สารตกค้างของยาปฏิชีวนะ สารเคมีตกค้างในอาหารทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานดีสุขภาพแข็งแรงสดชื่นขึ้น
-ป้องกันและระงับการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และช่วยเพิ่มเซลล์เม็ดเลือดแดง
-แก้ปัญหาคนท้องผูก ขับถ่ายดีขึ้น ริดสีดวงทวารทุเลาและหายได้
-ดับกลิ่นตัวกลิ่นปาก กลิ่นเท้าโดยเฉพาะผู้ชายที่ใส่ถุงเท้าแล้วเหม็น
-แก้ปัญหาอาการชา บวม และส้นเลือดขอดให้ทุเลาลงได้
-ชะลอความแก่ทำให้มีอายุยืน
-ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียใช้รักษาแผลอักเสบ แผลเปื่อยแผลเรื้อรัง แผลถลอก แผลไฟไหม้เหงือกอักเสบ แผลในปากคออักเสบ โดยใช้ผงคลอโรฟิลล์โรยบนแผลจะทำให้แผลหายเร็ว
-บรรเทาอาการปวดศีรษะทั่วไป ปวดศีรษะไมเกรน
-ช่วยแก้ปัญหาเรื่องโรคกระเพาะลำไส้อักเสบ ช่วยสมานแผล
-แก้ปัญหาเรื่องสิวฝ้า ปวดประจำเดือน ประจำเดือนมาไม่ปกติ
-ควบคุมน้ำหนักลดน้ำหนัก คลอเรสเตอรอลในเลือด
-มีผลต่อสุขภาพตาในคนที่เป็นต้อกระจกทำให้การมองเห็นดีขึ้น
-มีสารอาหารบำรุงเส้นผมทำให้เส้นผมหงอกดำขึ้นช่วย ลดอาการผมร่วง
-ลดอาการเมาค้าง
-ได้ทดลองกับผู้ป่วย HIV เมื่อรับประทานคลอโรฟิลล์เข้าไปแล้วทำให้ร่างกายของผู้ป่วยมีระดับภูมิคุ้มกันดีขึ้นเป็นลำดับ

ที่มา:
1. Bohne C.et ol:Interaction of enzyme-generate species with
chlorophyll-alpha andprobe bound to serum albumlns (Photochem Photobiol, 1988 Sep) (MEDLINE)

2. Acheson DW, etal : Dianostic delay due to chlorophyll in oral rehydration solution(letter) (lancet, 1987 Jan 17) (MEDLINE)

3. ChemomorskySA,et al : Biological actives of chlorophyll derivative, (N J Med,1988 Aug) (MEDLINE)

4. Hooper JK, etal : Photodynamic sensitizers from chlorophyll : purin-18 and chiorinp6 (Photochem Photobiol, 1988 Nov) (MEDLINE)

-end-

#Unicity #Unipower #Passive Income #Financial Freedom #Leader
#Leadership #Network Marketing #Network #ครู #ชีวิตครู #อำนาจเจริญ

Author: Vitaya S.
Line ID: yordpoupee
facebook: www.facebook.com/vitayas







ชีวิตข้าราชการครูคนหนึ่ง


ชีวิตข้าราชการครูคนหนึ่ง

เธอเป็นครูคณิตศาสตร์

บรรจุครั้งแรกเงินเดือน 6,300 บาท ผ่านไป 10 ปี เงินเดือน 14,460 (14,460-6,300 = 8,160) เฉลี่ยขึ้นปีละ 816 บาท (วันละ 2.23 บาท)


ถูกถามว่า อยากรวยแบบงงๆ กับจนแบบมีสติ...เลือกเอา?


ใช้หลักการทำงานใน Happy Life Project วันที่ 20 เงินเข้า 19,xxx จากการทำเดือนเดียว แต่ทำงาน  
10 ปี เป็นข้าราชการได้หมื่นสี่ ขี่มอเตอร์ไซค์ เอ๊ะเลย? พอเข้ารับข้อมูล และเก็ทคำว่า Passive Income เลยไม่มีสติจะสอนนร.แล้ว

ลูกๆ จะเรียนไรเยอะแยะ เดิมสอนคณิตศาสตร์ ให้นักเรียนได้ความรู้ แต่ครูคนเดิมสอน Passive Income ลูกศิษย์จะได้เงินไหล...ไม่หยุด

แรกๆ คิดว่า งาน HPL รบกวนงานประจำ ทำไปทำมา รายได้แตะแสน งานประจำชักจะรบกวน HPL เลยลาออกมาทำฟูลไทม์


ทุกๆ งาน มีปัญหาและอุปสรรคทั้งนั้น โทรไม่รับ ชวนไม่ไป นัดไม่มา มาไม่ทำ ทำไม่ทน มันก็จนอยู่งั้นแหละ!


ปัจจุบัน รายได้ 7 หลัก/เดือน Passive ไม่ดีตรงไหน? ตอนนี้ไม่ได้รวยมาก แต่ไม่รู้จะจนยังไง


คุณชญาญ์พิมพ์ ปาณะวงศ์ (ครูนาง) จ. อำนาจเจริญ


-end-

#Unicity #Unipower #Passive Income #Financial Freedom #Leader
#Leadership #Network Marketing #Network #ครู #ชีวิตครู #อำนาจเจริญ



ธุรกิจประกันต่างจาก Unicity อย่างไร?

 
ธุรกิจประกันต่างกับ Unicity อย่างไร?
บทความนี้เป็นภาพกว้างๆ ของสองธุรกิจ 
งานประกันเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ และเหมาะกับคนรักงานบริการ งาน # Network Marketing ได้พัฒนาขึ้นจนเป็นอีกทางเลือกที่คนรุ่นใหม่สนใจทำเป็นอาชีพ

-ธุรกิจประกันทำไม่ได้ทั่วโลก ธุรกิจเครือข่าย
ที่เป็น Global ทำได้ทั่วโลก

-เมื่อก่อนคนทำประกันสำเร็จมาก 
แต่ปัจจุบันมีคู่แข่งมากมาย แม้แต่ธนาคารยังจับตลาดประกัน

-ประสบความสำเร็จในประกันใช้เวลานานมาก แต่ที่ 
Unicity ใช้เวลา 2-3 ปี หยุดได้ รายได้ไม่หยุด

-ตัวแทนประกันต้องทำงานไปแบบไม่มีที่สิ้นสุด


-ตัวแทนประกันต้องบริการลูกค้า 24 ชม.


-ลูกค้าคือพระเจ้า ต้อง ขอ-ง้อ-ตื้อ


-จริงอยู่ บริษัททำหน้าที่ช่วยดูแลลูกค้า 
แต่ธุรกิจนี้ยืนอยู่ได้ด้วยความสัมพันธ์ที่ต้องบริการลูกค้า เพื่อต่อยอดสินค้าใหม่ๆ การที่ลูกค้าจะต่อกรมธรรม์หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการดูแลของตัวแทนประกัน
และนโยบายของบริษัท


-เลือกธุรกิจอะไร ให้ดูที่ผลลัพธ์ของรุ่นพี่ 
และดูระยะเวลาในการได้ passive income

-ที่ Unicity ทำได้ หกเดือนแสน สามปีล้าน และห้าปีเกษียณ


#Unicity #Unipower #Passive Income #Financial Freedom #Leader #Leadership #Network Marketing #Network #ประกัน #Insurance

-end-

About this blog


สวัสดีครับ

บล็อคนี้มีไว้เพื่อบันทึก และเล่าเรื่องราว
ความเป็นจริงของ # HappyLifeProject
ซึ่งเป็นโปรเจกต์ส่วนหนึ่งของบริษัท #Unicity International รวมถึง
ผลิตภัณฑ์
และผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ 
ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่เข้าใจ และอยากรู้จริงๆ คุณเข้ามาอ่าน
และศึกษาดู ยินดีต้อนรับนักเรียนรู้...ทุกท่าน


การเดินทางของบล็อคนี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 28 July 2558
-end-


#Unicity #Unipower #Passive Income #Financial Freedom #Leader #Leadership #Network Marketing #Network


Author: Vitaya S.
Line ID: yordpoupee
facebook: www.facebook.com/vitayas